สรุปเนื้อหาเตรียมสอบ NCLEX: Diabetes Mellitus



การสอบ NCLEX (National Council Licensure Examination) มักจะมีคำถามเกี่ยวกับ Diabetes Mellitus (DM) เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรังที่พบบ่อยและต้องได้รับการจัดการที่เหมาะสมในงานพยาบาล


1. ประเภทของโรคเบาหวาน (Types of Diabetes Mellitus)

1.1 Type 1 Diabetes Mellitus (T1DM)

  • เกิดจาก Autoimmune destruction ของเบต้าเซลล์ในตับอ่อน → ขาด Insulin
  • มักเกิดในเด็กและวัยรุ่น
  • อาการสำคัญ3P’s (Polyuria, Polydipsia, Polyphagia), น้ำหนักลด, อ่อนเพลีย
  • ภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลัน: Diabetic Ketoacidosis (DKA)

1.2 Type 2 Diabetes Mellitus (T2DM)

  • เกิดจาก Insulin resistance และการผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ
  • มักเกิดในผู้ใหญ่ที่มีภาวะอ้วนหรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ
  • อาการสำคัญ: คล้าย T1DM แต่ค่อยเป็นค่อยไป
  • ภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลัน: Hyperosmolar Hyperglycemic State (HHS)

1.3 Gestational Diabetes Mellitus (GDM)

  • พบในหญิงตั้งครรภ์ → เพิ่มความเสี่ยงให้แม่และทารก
  • มักจะหายไปหลังคลอด แต่เพิ่มโอกาสเกิด T2DM ในอนาคต

2. การตรวจวินิจฉัยโรคเบาหวาน

การตรวจค่าที่บ่งชี้ว่าเป็นเบาหวาน
Fasting Blood Glucose (FBG)≥ 126 mg/dL (หลังอดอาหาร 8 ชม.)
Random Blood Glucose (RBG)≥ 200 mg/dL พร้อมอาการเบาหวาน
Oral Glucose Tolerance Test (OGTT)≥ 200 mg/dL หลังดื่มกลูโคส
Hemoglobin A1C (HbA1C)≥ 6.5% (สะท้อนระดับน้ำตาลเฉลี่ย 2-3 เดือน)

3. การบริหารอินซูลิน (Insulin Therapy)

ประเภทอินซูลินเริ่มออกฤทธิ์จุดสูงสุดระยะเวลาออกฤทธิ์ตัวอย่างยา
Rapid-acting15-30 นาที1-2 ชม.3-5 ชม.Lispro, Aspart
Short-acting30-60 นาที2-3 ชม.5-8 ชม.Regular insulin
Intermediate-acting1-2 ชม.4-12 ชม.12-18 ชม.NPH
Long-acting1-2 ชม.ไม่มีจุดสูงสุด24 ชม.Glargine, Detemir

ข้อควรระวัง:

  • Rapid-acting insulin → ฉีดก่อนอาหาร 15 นาที
  • Long-acting insulin → ห้ามผสมกับอินซูลินตัวอื่น
  • Rotate injection sites → ป้องกัน Lipodystrophy

4. การจัดการภาวะฉุกเฉินในเบาหวาน

4.1 Hypoglycemia (น้ำตาลต่ำ)

สาเหตุ: ได้รับอินซูลินมากเกินไป, อดอาหาร, ออกกำลังกายหนักเกินไป
อาการ: สั่น, เหงื่อออก, ใจสั่น, หงุดหงิด, สับสน, หมดสติ
การแก้ไข:

  • รู้สึกตัวดี → ให้ 15 g คาร์โบไฮเดรตเร็วดูดซึม (น้ำผลไม้, ลูกอม, กลูโคสเจล)
  • หมดสติ → ฉีด Glucagon IM/SubQ หรือ Dextrose IV

4.2 Diabetic Ketoacidosis (DKA)

พบใน: เบาหวานชนิดที่ 1
สาเหตุ: ขาดอินซูลิน, การติดเชื้อ, ความเครียด
อาการ: หายใจเร็ว (Kussmaul respiration), กลิ่นลมหายใจคล้ายผลไม้, น้ำตาลในเลือดสูง (>250 mg/dL), Ketones ในปัสสาวะ
การรักษา:

  • ให้น้ำเกลือ IV (0.9% NSS)
  • ฉีด Regular insulin IV drip
  • ให้ โพแทสเซียม ถ้าต่ำ

4.3 Hyperosmolar Hyperglycemic State (HHS)

พบใน: เบาหวานชนิดที่ 2
สาเหตุ: การติดเชื้อ, การใช้สเตียรอยด์
อาการ: น้ำตาลในเลือดสูงมาก (>600 mg/dL), ไม่มี Ketosis, ขาดน้ำรุนแรง
การรักษา: ให้ IV fluid, Insulin, ป้องกันภาวะช็อก


5. แนวทางการจัดการเบาหวาน (Diabetes Management)

5.1 การควบคุมอาหาร (Diet)

  • Type 1 DM → คำนวณปริมาณคาร์โบไฮเดรตและจับคู่กับอินซูลิน
  • Type 2 DM → จำกัดคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว, เพิ่มไฟเบอร์, ควบคุมแคลอรี

อาหารที่ควรเลือก:

  • โปรตีนไร้มัน (ไก่, ปลา, เต้าหู้)
  • คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (ข้าวกล้อง, ควินัว)
  • ผักและผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำ

5.2 การออกกำลังกาย

  • ช่วยลดระดับน้ำตาลและเพิ่มความไวของอินซูลิน
  • ควรออกกำลังกาย 150 นาที/สัปดาห์
  • ควรตรวจระดับน้ำตาลก่อนและหลังออกกำลังกาย

5.3 การใช้ยา (Oral Hypoglycemic Agents)

กลุ่มยาตัวอย่างกลไกการออกฤทธิ์
BiguanidesMetforminลดการสร้างกลูโคสที่ตับ
SulfonylureasGlipizide, Glyburideกระตุ้นการปล่อยอินซูลิน
DPP-4 inhibitorsSitagliptinเพิ่มอินซูลินหลังอาหาร
SGLT-2 inhibitorsCanagliflozinเพิ่มการขับน้ำตาลทางปัสสาวะ

ข้อควรระวัง:

  • Metformin ห้ามใช้ในภาวะไตเสื่อม (GFR < 30 mL/min)
  • Sulfonylureas เสี่ยง Hypoglycemia

6. ข้อสอบ NCLEX ที่พบบ่อยเกี่ยวกับเบาหวาน

  1. อาการของ Hypoglycemia และ Hyperglycemia
  2. วิธีการบริหาร Insulin
  3. อาการและการรักษาของ DKA & HHS
  4. ผลข้างเคียงของ Metformin
  5. คำแนะนำเรื่องอาหารและการออกกำลังกาย

สรุป

✅ จำค่า Dx: FBG ≥ 126, HbA1C ≥ 6.5%
✅ รู้จัก Insulin และการบริหาร
✅ จัดการภาวะฉุกเฉิน (Hypoglycemia, DKA, HHS)
✅ การใช้ยาและข้อควรระวัง
✅ แนวทางการใช้ชีวิตสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน


0 Comments