ในการสอบ OET Writing จดหมายที่ต้องเขียนจะแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ทางการแพทย์ โดยสามารถแบ่งออกเป็น ประเภทหลัก ๆ ได้ดังนี้:

1. Referral Letter (จดหมายส่งต่อผู้ป่วย)
วัตถุประสงค์:
  • ใช้เมื่อต้องส่งต่อผู้ป่วยไปยังแพทย์เฉพาะทาง หรือหน่วยงานอื่นเพื่อการดูแลเพิ่มเติม
  • ระบุอาการ ประวัติที่เกี่ยวข้อง และเหตุผลที่ต้องส่งต่อ
โครงสร้าง:
  1. Introduction: ระบุชื่อ อายุ และสาเหตุที่ส่งต่อ
  2. Body:
  • อาการปัจจุบัน
  • ประวัติทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง
  • การรักษาและการตอบสนองต่อการรักษา
     3. Conclusion: ข้อแนะนำหรือสิ่งที่ต้องการให้ผู้รับจดหมายช่วยดำเนินการ
ตัวอย่าง: "I am writing to refer Mr. John Smith, a 65-year-old patient, who has been experiencing worsening chest pain over the past week. He requires further cardiac assessment and management at your facility."

2. Discharge Letter (จดหมายจำหน่ายผู้ป่วย)
วัตถุประสงค์:
  • ใช้เมื่อผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล และต้องแจ้งข้อมูลการรักษาไปยังแพทย์ดูแลต่อหรือผู้ดูแล
โครงสร้าง:
  1. Introduction: แจ้งว่าผู้ป่วยกำลังจะออกจากโรงพยาบาล
  2. Body:
  • การรักษาที่ได้รับในโรงพยาบาล
  • อาการปัจจุบันและความคืบหน้าของการรักษา
  • คำแนะนำเกี่ยวกับการฟื้นฟูและการใช้ยา
      3. Conclusion: แนวทางปฏิบัติต่อไป
ตัวอย่าง: "I am writing to update you on the progress of Mrs. Jane Doe, a 72-year-old patient, who has been recovering well following hip replacement surgery. She is now ready for discharge with a rehabilitation plan in place." 

3. Transfer Letter (จดหมายส่งต่อไปยังสถานพยาบาลอื่น)
วัตถุประสงค์:
  • ใช้เมื่อต้องส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลหนึ่งไปยังอีกโรงพยาบาล หรือศูนย์ดูแลอื่น
โครงสร้าง:
  1. Introduction: ระบุเหตุผลที่ต้องส่งต่อ
  2. Body:
  • รายละเอียดทางการแพทย์ของผู้ป่วย
  • การรักษาที่ได้รับ
  • สถานะปัจจุบันของผู้ป่วย
     3. Conclusion: สิ่งที่ต้องดำเนินการเพิ่มเติม
ตัวอย่าง: "I am writing to transfer Mrs. Linda Brown, a 78-year-old patient, to your rehabilitation center following a recent stroke. She requires ongoing physiotherapy and assistance with daily activities."

4. Advice/Information Letter (จดหมายให้คำแนะนำ)
วัตถุประสงค์:
  • ใช้เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแก่ผู้ป่วยหรือผู้ดูแล
โครงสร้าง:
  1. Introduction: แจ้งวัตถุประสงค์ของจดหมาย
  2. Body:
  • รายละเอียดเกี่ยวกับสภาพของผู้ป่วย
  • คำแนะนำในการดูแลหรือการปฏิบัติตัว
  • การใช้ยาและข้อควรระวัง
     3. Conclusion: แนวทางติดตามผล
ตัวอย่าง: "I am writing to provide you with information regarding the post-operative care for your father, Mr. George Adams. It is essential that he follows the prescribed physiotherapy plan to aid his recovery."

5. Update Letter (จดหมายอัปเดตสถานะผู้ป่วย)
วัตถุประสงค์:
  • ใช้เพื่อแจ้งอัปเดตเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยให้แพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญทราบ
โครงสร้าง:
  1. Introduction: แจ้งว่าเป็นจดหมายอัปเดตสถานะ
  1. Body:
  • สรุปอาการของผู้ป่วย
  • การรักษาที่ได้รับ
  • การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
  1. Conclusion: คำแนะนำหรือการดูแลที่ต้องทำต่อ
ตัวอย่าง: "I am writing to update you on Mr. Thomas Green’s condition. His blood pressure is now stable, and he has shown significant improvement following medication adjustments."

6. Request Letter (จดหมายขอคำปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือ)
วัตถุประสงค์:
  • ใช้เพื่อขอคำแนะนำทางการแพทย์ หรือขอการสนับสนุนในการรักษาผู้ป่วย
โครงสร้าง:
  1. Introduction: แจ้งว่าต้องการขอคำปรึกษาหรือความช่วยเหลือ
  2. Body:
  • รายละเอียดของผู้ป่วย
  • ปัญหาทางการแพทย์ที่ต้องการคำปรึกษา
      3. Conclusion: คำขอที่เฉพาะเจาะจง เช่น ต้องการความคิดเห็นเพิ่มเติมหรือให้ดำเนินการอย่างไร
ตัวอย่าง: "I am writing to seek your advice regarding a 55-year-old patient with persistent respiratory symptoms despite ongoing treatment. Your input on further management options would be greatly appreciated."

สรุป

หากต้องการคะแนน OET Writing สูง ควรเลือกใช้รูปแบบที่เหมาะสมกับประเภทจดหมาย ฝึกเขียนให้กระชับ ชัดเจน และตรงตาม OET Writing Criteria!

ประเภทจดหมาย

     วัตถุประสงค์
Referral Letter     ส่งต่อผู้ป่วยเพื่อการดูแลเพิ่มเติม
Discharge Letter       แจ้งแพทย์หรือผู้ดูแลเกี่ยวกับผู้ป่วยที่ออกจากโรงพยาบาล
Transfer Letter     ส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลอื่น
Advice/Information Letter     ให้ข้อมูลหรือคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ
Update Letter     แจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วย
Request Letter     ขอคำปรึกษาหรือขอการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญ

0 Comments