สรุปเนื้อหาเตรียมตัวสอบ NCLEX: Prioritization and Delegation



ข้อสอบหัวข้อนี้เป็นข้อสอบที่มีจำนวนข้อมากที่สุดในการสอบ NCLEX   โดยจะทดสอบความสามารถในการจัดลำดับความสำคัญ (Prioritization) และการมอบหมายงาน (Delegation) อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยมักจะอิงหลักการของ การดูแลผู้ป่วยที่ปลอดภัย (Safe and Effective Care Environment)  


1. หลักการจัดลำดับความสำคัญ (Prioritization)
การพิจารณาว่าผู้ป่วยคนใดต้องได้รับการดูแลก่อนสามารถใช้หลักการต่อไปนี้:  

1.1 ABCs (Airway, Breathing, Circulation)

- A – Airway (ทางเดินหายใจ) : ตรวจสอบว่ามีการอุดกั้นทางเดินหายใจหรือไม่ เช่น ภาวะทางเดินหายใจอุดตัน หรือความจำเป็นในการใส่ท่อช่วยหายใจ  
- B – Breathing (การหายใจ): ปัญหาด้านการหายใจ เช่น ภาวะหายใจล้มเหลว, อัตราการหายใจผิดปกติ  
- C – Circulation (การไหลเวียนโลหิต): ปัญหาความดันโลหิตต่ำ, ภาวะเลือดออกมาก หรือภาวะช็อก  

1.2 Maslow’s Hierarchy of Needs

ใช้ลำดับความต้องการของ Maslow ในการพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของผู้ป่วย  
1. Physiological Needs (ความต้องการทางร่างกาย) → เช่น การให้ออกซิเจน, น้ำเกลือ, การควบคุมอุณหภูมิ  
2. Safety Needs (ความปลอดภัย) → ป้องกันอุบัติเหตุ, ดูแลอาการสับสน  
3. Love and Belonging (ความรักและความผูกพัน) → ให้การสนับสนุนทางอารมณ์  
4. Esteem Needs (ความเคารพและคุณค่าในตัวเอง) → ให้กำลังใจ, ฟื้นฟูสภาพจิตใจ  
5. Self-Actualization (การเติมเต็มศักยภาพตนเอง) → ให้ความรู้, ฟื้นฟูจิตใจ  

1.3 Acute vs. Chronic (ภาวะเฉียบพลัน vs. เรื้อรัง)

- ผู้ป่วยที่มีอาการเฉียบพลันควรได้รับความสนใจก่อนผู้ป่วยเรื้อรัง  
- ตัวอย่าง: ผู้ป่วยหัวใจวายเฉียบพลัน (acute MI) ควรได้รับการดูแลก่อนผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง (chronic heart failure)

1.4 Actual vs. Potential (ปัญหาที่เกิดขึ้นจริง vs. ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น)

- อาการที่เกิดขึ้นแล้ว (Actual Problem) ต้องได้รับการแก้ไขก่อน  
- ตัวอย่าง: ผู้ป่วยที่มีหายใจลำบาก ควรได้รับออกซิเจนก่อนดูแลผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงล้ม

1.5 Unexpected vs. Expected (อาการที่ไม่คาดคิด vs. อาการที่คาดการณ์ได้)

- อาการที่ผิดปกติและไม่คาดคิดมักต้องได้รับการประเมินก่อน  
- ตัวอย่าง: ผู้ป่วยหลังผ่าตัดที่มี BP ต่ำผิดปกติ ควรได้รับการดูแลก่อนผู้ป่วยที่มีอาการปวดแผลที่ควบคุมได้

2. หลักการมอบหมายงาน (Delegation)

การมอบหมายงานต้องคำนึงถึงขอบเขตของวิชาชีพ (Scope of Practice) และระดับความสามารถของบุคลากรสุขภาพ  

2.1 การมอบหมายงานให้ UAP (Unlicensed Assistive Personnel)
UAP หรือ NA สามารถทำงานที่เป็นกิจวัตรและไม่ต้องใช้วิจารณญาณทางคลินิก เช่น:  
✅ ช่วยเหลือกิจวัตรประจำวัน (ADLs: Activities of Daily Living)  
✅ วัดสัญญาณชีพในกรณีที่ไม่มีภาวะซับซ้อน  
✅ ช่วยผู้ป่วยเคลื่อนย้าย  
✅ ดูแลความสะอาดของผู้ป่วย  
ห้ามมอบหมายงานที่ต้องใช้ทักษะพยาบาล เช่น ประเมินอาการ, ให้ยา, สอนผู้ป่วย  

2.2 การมอบหมายงานให้ LPN/LVN (Licensed Practical Nurse/Vocational Nurse)

LPN/LVN สามารถทำงานที่ซับซ้อนขึ้น แต่ยังไม่สามารถทำการวินิจฉัยหรือวางแผนการดูแลได้ เช่น:  
✅ ให้อาหารผ่านสาย NG tube  
✅ ทำแผลที่ไม่ซับซ้อน  
✅ ให้ยา PO, SC, IM (ขึ้นอยู่กับกฎของแต่ละรัฐ)  
✅ วัดและบันทึกสัญญาณชีพของผู้ป่วยที่มีภาวะคงที่  
✅ ช่วยดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัด  
ห้ามมอบหมายงานที่ต้องใช้การตัดสินใจทางคลินิก เช่น การวางแผนดูแล, ประเมินผู้ป่วย, ปรับแผนการรักษา 

2.3 RN (Registered Nurse) ต้องทำอะไรเองบ้าง?

RN ต้องรับผิดชอบงานที่ต้องใช้วิจารณญาณทางพยาบาล เช่น:  
✅ การประเมินอาการ (Assessment)  
✅ การวางแผนการดูแล (Care Planning)  
✅ การให้ยา IV และการดูแลผู้ป่วยวิกฤต  
✅ การให้ความรู้และให้คำแนะนำผู้ป่วย  
✅ การจัดการอาการผิดปกติที่ต้องการการตัดสินใจทางคลินิก  

3. คำถามตัวอย่างและแนวทางการตอบ

ตัวอย่าง 1:  RN ควรดูแลผู้ป่วยคนใดก่อน?  
A. ผู้ป่วย COPD ที่มีค่า O2 Sat 92%  
B. ผู้ป่วย CHF ที่บวมเท้า 2+  
C. ผู้ป่วยที่หายใจตื้นและมี Stridor  
D. ผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องให้ Insulin  

✅  คำตอบ: C (ผู้ป่วยที่มี Stridor อาจเกิดภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจ)

ตัวอย่าง 2: RN สามารถมอบหมายงานให้ LPN ดูแลผู้ป่วยคนใด?  
A. ผู้ป่วยที่ได้รับ IV Heparin และต้องประเมินอาการเลือดออก  
B. ผู้ป่วยที่ได้รับยาฉีด Insulin SC  
C. ผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับยา Morphine IV 10 นาทีที่แล้ว  
D. ผู้ป่วยที่ต้องประเมินผลหลังให้ยาลดความดันโลหิต  

คำตอบ: B (LPN สามารถให้ Insulin SC ได้ แต่ไม่สามารถประเมินอาการที่ต้องใช้วิจารณญาณทางคลินิก)

4. สรุปแนวทางทำข้อสอบ

1. เลือกผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อชีวิตก่อน (ใช้ ABCs และ Maslow’s Hierarchy)  
2. พิจารณาความเร่งด่วนของอาการ (Acute > Chronic, Actual > Potential)  
3. ไม่มอบหมายงานที่ต้องใช้วิจารณญาณทางพยาบาลให้ LPN/UAP
4. ระวังคำตอบที่ให้ UAP หรือ LPN ทำงานที่เกินขอบเขตของพวกเขา
5. ดูเงื่อนไขของคำถามให้ดี และเลือกสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ป่วย

0 Comments